January 18, 2016






the forgotten recollection







บางทีผมก็คิดว่าผมฝันไป และตื่นมาพร้อมกับความหวังที่ถูกทำลาย
และบางทีผมก็คิดว่านั่นเป็นแค่ฝันร้าย แล้วความหวังทั้งหมดก็กลับคืนมาใหม่

ช่วงเวลาที่ได้อยู่ท่ามกลางผู้คนธรรมดาช่างเหมือนฝันที่แสนสุข
และระทมทุกข์เมื่อคิดถึงอนาคตที่ไร้หวังและว่างเปล่า

นี่...รู้ไหมว่าช่วงเวลาที่ได้อยู่กับคุณมันแสนพิเศษ
และผมไม่คิดว่าผมจะมีโอกาสได้สัมผัสความรู้สึกเหล่านั้นที่ผมได้เก็บไว้

ผมนึกว่าเราอาจเป็นได้แค่คนที่อยู่ข้างกันเพียงชั่วคืน และหาจากไปในวันรุ่งขึ้น
เป็นเพียงยาที่ทำให้ใจชุ่มชื้นขึ้นเพื่อใช้มันต่อไปอีกวัน

ในตอนนั้นผมเห็นแก่ตัวมากเกินไปหรือเปล่านะ?

แต่ผมเองก็ยังอยากจะมีโอกาสได้ลืมตาในยามเช้าของวันถัดไปอยู่เสมอ แม้เพียงอีกสักวินาทีเดียวก็ยังดี

ตอนนั้นผมขี้ขลาดเกินไปหรือเปล่าที่ไม่เคยคิดจะเอ่ยปากพูดไปก่อน
เพราะผมลบความหวังจนไม่กล้าที่จะดึงคุณไว้ด้วยตัวเอง

หรือจริงๆแล้วผมเห็นแก่ตัวเกินไปไหมที่ตอบรับความรู้สึกใสซื่อตอนนั้นของคุณขึ้นมา

นี่...มือที่จูงกับคุณมันอุ่นจริงๆนะ
อุ่นจนผมกลัวว่าหากสักวันผมพลาดและต้องปล่อยมือนั้นไป ผมจะต้องทำอย่างไรที่จะไม่ทิ้งรอยแผลไว้ให้คุณ

ผมเคยคิดว่าหากมันจะทำให้คุณเจ็บปวดเข้าสักวัน หรือมันจะดีกว่าหากเราไม่ได้จับมือกันตั้งแต่วันนั้น

แต่ในใจจริงผมดีใจที่เราได้ใช้ช่วงเวลาเล็กๆใกล้ชิดกัน และไม่อยากจะปล่อยมือนี้ไปเลย

นี่...คุณมั่นใจแล้วรึเปล่าที่จะไปกับผมแบบนี้
ผมอยากปกป้องดูแลคุณ แม้ว่าผมจะไม่มั่นใจว่ามือคู่นี้สามารถทำอะไรได้

นี่...หากเส้นทางนี้ไม่ได้มีจุดจบที่สวยงาม คุณจะยังจับมือเดินไปพร้อมกับผมไหม





อ้อมกอดอบอุ่นนั้นผมอยากโอบประคองรักษาไว้ด้วยตัวผมเอง

November 03, 2014

[BONE][EP I][Ending Event 03]









http://bottleneck.exteen.com/
Previous









 Oz H Star

Etoile Star



    ชายหนุ่มนั่งข้างเตียงน้องสาว มองเธอที่หลับสนิท เขายกมือลูบหัวน้องเบาๆอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็เขย่าน้อยๆพร้อมเรียกปลุกให้ตื่น
    นี่เป็นเวลาเย็นแล้ว เขาปล่อยให้น้องหลับพักผ่อนมาทั้งวันโดยไม่ได้ปลุกขึ้นมาทานอะไร เขาเป็นห่วงน้องสาวมากหลังจากที่กลับมาที่ห้อแล้วไม่เจอ ยังดีที่ตอนออกจากห้องแล้วไปเจอกันพอดี
น้องสาวเขาท่าทางตื่นกลัวและอ่อนเพลียพอสมควรในตอนนั้น และกว่าจะฟังเรื่องราวจากน้องเขาจนจบ เขาก็เผลอกังวลมากจนดุไประหว่างนั้น เธอแสดงท่าทีหงอยลงจนทำให้เขารู้สึกผิดขึ้นมา และกอดปลอบเธอ
    
  เด็ก สาวลืมตาตื่นขึ้นด้วยแรงเขย่าปลุกเบาๆของพี่ชายเธอ เธอค่อยๆปรือตาขึ้นอย่างงัวเงีย เหตุการณ์ที่ได้เกิดขึ้นทำให้เธอรู้สึกเครียดพอสมควร แต่หลังจากได้เจอพี่ชายที่ไม่ได้บาดเจ็บอะไรกำลังวุ่นวายจะไปตามหาเธอ สาวน้อยก็รู้สึกโล่งและดีใจไปมากโข แม้จะโดนดุที่แอบตามพี่ชายออกไปก็ตาม     แต่อ้อมกอดอุ่นๆพร้อมกับมือที่ลูบหัวปลอบเธอเบาๆหลังจากนั้นก็ทำให้เธอรู้สึกปลอดภัยและดีขึ้นมากแล้ว

 เธอ ยังคงงัวเงียอยู่เล็กน้อยหลังถูกปลุก แต่หลังจากที่พี่ชายเธอพูดถึงงานเลี้ยงต้อนรับก็ทำให้เธอรู้สึกหิวพร้อมตา สว่างขึ้นมาทันที ก็หลังจากที่เธอกลับมาเจอกับพี่ชายและกว่าจะคุยเล่าเรื่องให้ฟังจนหมด เธอก็เพลียมาก และหลับยาวยามกลางวันกระทั่งถึงเย็น ไม่ได้ตื่นมาแตะอาหารเลยสักมื้อ

    เขาหวังว่าเธอจะรู้สึกดีขึ้นหลังปล่อยให้พักมายาว และคิดว่าเธอควรตื่นมาทานอาหารสักมื้อ อย่างน้อยๆงานเลี้ยงต้อนรับคงไม่เสิร์ฟอะไรแย่ๆ และคงทำให้น้องของเขารู้สึกรื่นเริงขึ้นมาบ้าง

    หลังจากปลุกน้องสาว เขาก็ออกมารอน้องข้างหน้าห้อง ไม่ได้เปลี่ยนชุดอะไรใหม่ ซึ่งชายหนุ่มคิดว่าเขาก็ไม่ได้มีชุดอะไรที่เลิศหรูไปมากกว่านี้สักเท่าไหร่ ส่วนใหญ่เขามักเอาเงินไปซื้อชุดให้น้องใส่มากกว่า

เขายืนเงียบๆระหว่างรอพลางเดาว่าน้องเขาคงต้องใส่ชุดที่เขาซื้อให้เมื่อปีก่อนแน่เพราะท่าทางของน้องสาวยามได้เห็นชุดนั้นท่าทางดีใจเหลือเกิน เขายืนยิ้มเล็กๆที่มุมปากอย่างมีความสุขยามที่นึกถึงรอยยิ้มของน้องสาวเพียงหนึ่งเดียวของเขา

ในขณะเดียวกัน สาวน้อยที่อยู่ในห้องก็ลุกขึ้นมาเช็ดหน้าตาและหวีผมให้เรียบร้อย จากนั้นก็เดินไปค้นกระเป๋าเสื้อผ้า หยิบชุดกระโปรงชุดโปรดที่ดูดีที่สุดเท่าที่มีมาเปลี่ยน ซึ่งมันเป็นชุดที่พี่ชายเธอออมเงินซื้อให้เป็นของขวัญราวปีก่อนและเธอก็ชอบ มันมาก  
 
เธอกำลังหวังว่าเธอคงไม่ซุ่มซ่ามทำชุดที่เธอรักเปื้อนอาหารในยามค่ำนี้
 
  เด็กสาวเดินตามพี่ชายไปข้างๆ ตอนนี้เธอรู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้นพอสมควร และเริ่มมองสำรวจตามทางระหว่างเดินไปด้วยอย่างตื่นตาเล็กๆที่เห็นผู้โดยสาร คนอื่นๆ เธอพยายามเดินใกล้พี่ชายเพราะกลัวจะพลัดหลง สาวน้อยหันมาสบตาแล้วยิ้มให้พนักงานคนนึง จากนั้นก็เดินตามพี่ชายเธอต่อไป
 
    เขาเดินสบายๆไปกับน้องสาวข้างๆเขา ยิ่งเดินไปเรื่อยๆคนก็ยิ่งเยอะขึ้น เขาจึงเขยิบมาเดินใกล้น้องสาวที่แอบซนของเขาเป็นการกันไม่ให้เธอพลัดหายไป และเดินมุ่งหน้าตามฝูงชนที่เขาคิดว่าคงเดินไปที่งานเลี้ยงเช่นกัน แต่ทว่าเขาพบว่าเขาพาน้องสาวเดินหลงอยู่ตรงไหนของเรือก็ไม่รู้ เขาหันไปหันมา ชายหนุ่มตัดสินใจพาน้องสาวเดินไปถามทางคนแถวนั้น

     สาว น้อยเดินตามพี่ชายตัวเองไปเรื่อยๆ พลางใช้เวลามองสำรวจเรือไปมา แต่แล้วพี่ชายเธอก็ชะงัก เธอจึงชะงักมองตาม แล้วพบว่าพี่ชายเธอจำทางไม่ได้ซะแล้ว เธอหัวเราะเล็กน้อย แล้วเดินตามพี่ชายที่พาเธอไปถามทางจากคนแถวนั้น

เขา พบผู้ชายใส่สูทสุภาพที่ยืนแถวนั้น ซึ่งเป็นพนักงานต้อนรับที่อยู่บนเรือ จึงพาน้องสาวเดินเข้าไปถามทาง

 เธอเดินตามไปยืนรอใกล้ๆพี่ชายที่เดินไปถามผู้ชายคนนึง เธอเห็นผู้หญิงยืนอยู่ไกลๆ คิดว่าคงเป็นผู้โดยสารบนเรือเหมือนกัน และไม่ได้สนใจอะไร






ชายในชุดสูทที่ทั้งสองเจอเป็นพนักงาน และเขาก็ยินดีอย่างยิ่งที่นำทั้งสองพี่น้องไปที่ห้องอาหารของผู้โดยสารชั้น 3

ทั้งสองมาถึงห้องอาหารด้วยดี


[Ended Event 03]


May 26, 2014

[ESBR][HSA] Mysi Samostril











"Whilst you pray, I'll act." 


"Words have power. Wield them wisely."


"Misery. Everywhere."
(credit: Dishonored - The Heart)


"Don't be fooled if you hear laughter, or happen upon a smile. There is no lightness or merriment here."


"Their fate rests on your effort. On the strength of your hands, and of your heart."


"Fortunes have been won here, and lives have been lost."
(credit: Dishonored - The Heart)











[ And those were what he'd been taught me in the past. ]














http://schoolbattle-re.exteen.com/


















http://schoolbattle-re.exteen.com/hsa











"There is no turning back from the path I have chosen."     
(*adapted from Dishonored - The Heart)










[ It is a requirement when you are raise in the manner that I was. Perception is fundamental to the Order. It guides when running and climbing. Informs the hands when striking and fighting. But most important, it transforms the senses. And we began to know the world in a different way. ]
(credit: AC3 - Haytham Kenway)







[ Why am I so cold? ] [ I will be glad to rest. ]
(credit: Dishonored - The Heart)


















Henshear Academy 


 Name - Surname : Mysi Samostril (มิเช่ ซามอสทรีล์)
    Year : College 1st year
       Dormitory : N/A
    Weight / Height :  44kg/153cm
    Eyes / Hair Color : Amethyst+Orange Amber / Blonde
ตย.สีตา อเมธิสต์ปนส้ม


    Age : 19 year-old Gender : Female
    Class : Ranger
     
Weapon : *ทั้งหมดคือาวุธที่เปลี่ยนมาใช้หลังเข้าเรียน สมัยก่อนใช้หน้าไม้/ธนูกากๆธรรมดา
Scorpyd Crossbows (credit)

 

Hickory Creek Vertical Crossbow (เอาสายขึ้นอยู่) (credit)

 (อันนี้แยกประกอบได้ด้วย)


*สองอันบนจะไม่พกพร้อมกัน จะเลือกอันใดอันหนึ่งไป แล้วแต่ว่าต้องไปทำอะไรแนวไหน (คือมันหนัก ยิงได้ในระยะ300เมตร เวิร์คสุดช่วง80เมตรเข้ามา)


Self Cocking Aluminium Pistol System Crossbow 80 Lb (credit)

(ใช้ยิงระยะใกล้ขึ้นมา(ในระยะแบบ30เมตรอะไรงี้) ขนานเล็กลงมามุ้งมิ้งพอกีมือ เอาสายขึ้นได้เร็วขึ้น อันนี้จะเอาไปทำงานเสมอ)


*หน้าไม้ทั้งหมดมีหัวธนูหลายแบบ แต่ส่วนใหญ่จะใช้เป็นแบบเบลด
สำหรับอัน pistol มีแบบยาสลบด้วย



Sub-weapons :

Bowie Knife (credit)




Rope (credit)
(คือถ้าลุยเข้าป่าเจ้าตัวต้องพกอะ... /คือว่าเตี้ย ต้องมีตัวช่วยบ้าง(?) เพราะไม่ใช่ทั้งหมดจะพกตลอดเวลา)



#เยอะไปไหมนะ...
#เยอะไปบอกนะ




  Fighting Style : เหมือนพราน ชอบดักยิงจากระยะห่าง หรือสตอล์คแล้วเล็งยิง บางทีก็พรางตัวหรือวางกับดัก แล้วแต่กรณี

 Status :




STR 2 AGI 3 INT 2 VIT 2 DEX 4 DEF 1


 Advantage : ตัวเล็ก ทำให้มุดซ่อน ซุ่มง่าย กลมกลืนไม่เป็นจุดเด่น เนื่องจากถูกเลี้ยงอยู่ในสภาพแวดล้อมที่ทรหดมาก่อนทำให้มีความอดทนสูง และมีอาชีพพรานมาก่อนทำให้มีประสบการณ์จริง และมีพื้นฐานในเรื่องของการเล็งยิงจุดตาย ความอดทนใจเย็น การรอคอย มีความคล่องตัวสูงหากได้ลงพื้นที่ในป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งที่หิมะตกและอากาศหนาว ปีนป่ายได้ ถือว่าวิ่งเร็วแม้จะตัวเล็กขาสั้นก็ตาม
หากใช้ธนูจะยิงได้เร็วกว่าหน้าไม้ แต่ได้ผลกับระยะใกล้เท่านั้น
ถ้าได้ซุ่มยิงจะหวังผลได้สูง
หน้าไม้และธนูจะได้เปรียบที่โจมตีไม่มีเสียง เงียบและเบากว่าปืน และลักษณะหัวธนูจะเป็นเบลด ได้เปรียบในเรื่องการเฉือน/ตัด ลักษณะแผลจากธนูจะเหวอะและกว้างกว่าปืน /รอเลือดทะลักได้เลย
    Disadvantage : จะเสียเปรียบในพื้นที่เปิดโล่งมากๆแบบไม่มีอะไรกำบังเลย ยิ่งการปะทะตรงๆยิ่งเสียเปรียบเพราะตัวเล็ก ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดจะน้อย
และถึงจะวิ่งเร็วแต่เจอคนขายาววิ่งเร็วก็จบเหมือนกัน
หน้าไม้จะไม่สามารถวิ่งไปยิงไปได้(ใช้เวลาเอาสายขึ้น) ต้องใช้ธนูที่มีขนาดเล็กลง(Pistal Crossbow)
หรือจะเปลี่ยนชนิดของอาวุธ(เช่นปืนหรือมีด)
ธนูจะเสียเปรียบในการยิงระยะไกลๆ เพราะความเร็ว แรงและความแม่นยำจะตกลง
การวิ่งไปยิงไปทำให้ความแม่นยำน้อยลง
หน้าไม้มีน้ำหนักพอควร แบกไปวิ่งไปทำให้ช้าลง


Profile : อยู่และเติบโตมากับปู่ที่รัสเซีย แถวป่าไซบีเรียที่หนาวเย็น แม่เป็นญาติห่างๆกับปู่และอยู่ที่ประเทศอื่น แต่ท้องไม่พึงประสงค์เลยเอามาฝากให้เป็นเพื่อนปู่ช่วงราวๆ 4-5 ขวบ ให้เงินก้อนไว้(แต่ปู่ไม่ได้ใช้)แล้วทิ้งไปเลย อดีตปู่เป็นทหารชั้นผู้ใหญ่ของเยอรมันสมัยWWII แต่บาดเจ็บกลับมา ขาไม่ดีเท่าไหร่ ค่อนข้างเข้มงวดและไม่ละเอียดอ่อน ถูกเลี้ยงมาด้วยความรุนแรงหน่อยๆและระเบียบจัด ทุกอย่างต้องเป๊ะ
สภาพความสัมพันธ์เหมือนเจ้านายกับลูกน้องมากกว่า(...) ไม่ก็ครูกับลูกศิษย์
ปู่มีอาชีพพราน เลยถูกใช้งานให้ช่วยมาตั้งแต่ได้อยู่ด้วยกัน
เลยค่อนข้างทนต่อสภาพอากาศเย็นได้ดี(แต่กับอากาศร้อนไม่ดีเท่าไหร่) อดทนได้สูงถ้าต้องแบกของหรือรอคอยอะไร ใจเย็นได้มาก
ไม่ได้อยู่ท่ามกลางผู้คนนัก มักจะอยู่สันโดษในป่าหรือกับฮัสกี้ที่เลี้ยงมากกว่า
ไม่ได้ไปโรงเรียนแบบเด็กปกติ แต่อาศัยเรียนอ่านเขียนและเรื่องอื่นๆที่โบสถ์กับบราเธอร์/ซิสเตอร์มากกว่า /ฟรี(....)
พอปู่แก่ตัวลงก็มีคนมาตามจับปู่ ซึ่งปู่ก็พยายามหลบเก็บเงียบมาตลอด แต่เริ่มไม่ไหวเลยไล่ให้มาเรียนต่อที่เกาะนี้แทน ซึ่งรู้จักเกาะนี้ผ่านเพื่อนของปู่
ตอนแรกก็ไม่อยากมานัก แต่ปู่ก็สั่งมา เลยยอมมาเริ่มเข้าเรียนตั้งแต่ช่วง H2
และไปๆกลับๆเยี่ยมปู่ที่รัสเซียบ่อยๆ
แต่ไม่นานหลังจากนั้นปู่ก็ป่วยลงมากและเสียชีวิตคาบ้านระหว่าที่มิเช่มาเรียน


  Personality : นิ่งๆ เงียบๆ พูดน้อย ไม่เชิงว่าเรียบร้อย(แต่ความเป็นผู้หญิงก็ต่ำ) แต่ก็ไม่ใช่คนหยาบคาย(แม้จะพูดไม่มีคำลงท้ายก็ตาม) ไม่ค่อยเริ่มอะไรก่อน แต่คุยถามอะไรมาก็ตอบ ค่อนข้างแข็งกร้าวได้บางที สันโดษมาก(ไม่มีเพื่อนด้วย(...)) เว้นระยะห่าง ใจกล้า มีเหตุผล และบางทีก็เย็นชาบ่อยๆ ไม่ได้รำคาญเสียงดังอะไร เจ้าตัวไม่ถือสา ไม่เรื่องมาก หากทนได้ก็จะทนหรือเมิน
เป็นพวกทำตามคำสั่ง(แต่ถ้าไม่ใช่ปู่ ไม่เคารพ หรือไม่เห็นหัวก็จะไม่ทำตามทุกคำสั่งหรอกนะ)
ออกคูลเดเระนิดหน่อย(มั้ง)
Other : มีฮัสกี้หนึ่งตัว เพศผู้ เอามาจากบ้าน ไม่มีชื่อ
กระดาน
    Contact : @ESBR_Mysi

อยากโคสตอรี่อะไรติดต่อได้ค่ะ
ชวนไฝ้ว์ตบตีฆ่าตาย ได้หมดค่ะ(...)







ปล. รอรูปเต็มแปปนึงนะเตงงงง O_,< )
















May 03, 2014

☸ The Spiegel: Info






The Spiegel

จากระยะความยาวนานทำให้ตระกูลในปัจจุบันคาดเดาว่าสมัยก่อนทายาทคงเป็นนักรบ อัศวิน หรือนักบวชมาก่อน จากทรัพย์สมบัติที่ตกทอดมาในตระกูลซึ่งมีดาบ ไม้กางเขน คัมภัร์ไบเบิ้ล และยังมีบันทึกที่บ่งบอกถึงความเชื่อในศาสนาคริสต์ และเมื่อถึงยุคล่าแม่มด พวกเขาก็ล่าถอย(หรืออาจถูกขับไล่)ออกมา แฝงตัวอาศัยเงียบๆ และบันทึกเกี่ยวกับตระกูลในช่วงนั้นได้ขาดหายไปเป็นระยะเวลาหลายร้อยปี และหลักฐานที่หลงเหลือมาบางทีจะมีรอยไหม้ รอยลบแก้ไข รวมไปถึงการแฝงใจความสำคัญหรือสัญลักษณ์ลงในหนังสือ ซึ่งของที่ตกทอดมาในตระกูลยังมีสิ่งของที่มีสัญลักษณ์ของซาตาน การแอนตี้ศาสนา หรือการเล่นไสยศาสตร์ คาดว่าตระกูลคงเริ่มใช้พลังในการทำธุรกิจก็ช่วงเวลานี้ และทำสืบต่อมา(ข่าวคราวของตระกูลก็คงแพร่หลายในช่วงนี้ เป็นทั้งคนทรง แม่หมอ นักทำนาย หมอวิเศษ หลายหลากแล้วแต่ว่ารุ่นไหนจะเป็นอะไร) แต่ปัจจุบันของที่ตกทอดมาสำหรับทายาทที่มีพลังคือต่างหูทองรูปสามเหลี่ยมยอดชี้ขึ้น(แล้วแต่รุ่นว่าอยากใส่หรือไม่ใส่ก็ได้) และแหวนแสดงตำแหน่งของผู้นำ
สำหรับในยุค 1800s หลังจากตระกูลได้ถูกรวบรวมเป็นหนึ่งเดียวแล้ว พวกเขาก็เลือกที่จะสร้างระบบภายในครอบครัวขึ้นมาใหม่เพื่อเพิ่มความปลอดภัยเป็นปึกแผ่น และเป็นการนำทางทายาทให้เดินไปสู่ ‘เส้นทางที่ดี’
ในตระกูลจะค่อนข้างถือเคารพคนที่มีอายุมากกว่า และจะให้เกียรติเคารพคนที่มีความรู้ ความคิดอ่านที่ดี โดยเฉพาะอย่างยิ่งพวกเขาถือว่าผู้นำตระกูลต้องฉลาดหนักแน่นทันคน เป็นผู้นำ และทายาทก็ต้องมีความหลักแหลมเคารพในกฎระเบียบและคำสั่งสอนที่ผู้นำมี ทุกอย่างต้องเชื่อฟังคนที่เป็นใหญ่กว่า ถือว่าค่อนข้างเผด็จการอยู่พอควร
ผู้นำตระกูลมีหน้าที่อบรมดูแลสั่งสอนทายาทอย่างใกล้ชิด และคอยบังคับกวนขันดูแลทายาทไปจนกว่าจะหมดอายุขัย
ใช้ Mandala เป็นสัญลักษณ์ประจำตระกูล
ตัวทายาทจะมีสัญลักษณ์แยกอีกอย่างคือ hexagram หรือดาวหกแฉก



The Head and the Heir

ตัวผู้ นำตระกูลจะคัดเลือกจากคนใกล้ตัวทายาท เช่น พี่น้องพ่อแม่ญาติหรือสามี/ภริยา แล้วแต่ว่าเจอใครเหมาะสมและทุกคนในตระกูลควรจะเห็นด้วยในการแต่งตั้ง(แต่ ส่วนใหญ่ก็ถ้าผู้นำคนก่อนเลือกมาคนอื่นก็จะค้านอะไรไม่ได้มาก /ผู้นำเป็นใหญ่) เพราะจะได้มั่นใจว่าผู้นำไมไ่ด้มาลอยๆไม่มีความรักความรับผิดชอบต่อตัวทายาท หรือทำอะไรเห็นแก่ตัวเพราะมีเรื่องของคนที่รักเกี่ยวข้องอยู่ และต้องมีลักษณะที่เหมาะสม คือ สุขุม ฉลาด เป็นผู้นำ พร้อมเสียสละ เป็นระเบียบเคร่งครัด ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับว่าผู้นำตระกูลคนก่อนเล็งเห็นว่าใครเหมาะสม ส่วนใหญ่จะดำรงตำแหน่งคาบเกี่ยวกับตัวทายาทประมาณสามคน(คือ ผู้นำ1คนอาจะอยู่ในตำแหน่งคุมทายาทได้ราวๆ3สมัย โดยเฉลี่ยจะคาบเกี่ยว2ทายาท) อย่างผู้นำปัจจุบันก็อยู่ในตำแหน่งตั้งแต่ทายาทคนก่อนกับฟิโอ้ หากต้องการลงจากตำแหน่งแล้วหาผู้สืบทอดตำแหน่งได้แล้วก็ย่อมจะลงได้ทุกเมื่อ
ทายาท จะสุ่มเกิดจากคนในตระกูลที่มีสายเลือดเข้มข้นเพียงพอ และจะไปเกิดกับคนที่กำลังจะเกิดมาในช่วงคาบเกี่ยวระหว่างที่ทายาทคนก่อน กำลังจะตายเท่านั้น มีทายาทเพียง 1 คน ต่อรุ่น หากทายาทคนก่อนยังอยู่ ทายาทรุ่นใหม่จะไม่เกิดมาอยู่ซ้ำซ้อนกัน


Blood

สำหรับทายาทในปัจจุบันนั้นสายเลือดมีความหลากหลายมากขึ้นและความเข้มข้นน้อยลงทำให้พลังอ่อนลงไปด้วย รวมถึงการมีผู้นำตระกูลทำให้ตัวทายาทนั้นยิ่งไม่มีการใช้งานในหลายๆส่วน หรือก็คือจำกัดการใช้งานของพลัง เหตุผลมีหลายข้อ
  1.  หลีกเลี่ยงการนอกคอก/แตกแถวของทายาท หากทายาทหลุดจากกรอบแล้วเดินในทางที่ไม่ดีอาจทำให้เกิดความเดือดร้อน /อาทิครองโลก ฆ่าคน สังหารหมู่ 
  2.  ทายาทไม่ได้เกิดมาใช้พลังเป็นเลย ทุกคนย่อมต้องเกิดการเรียนรู้ แต่บางครั้งการเรียนรู้ด้วยตัวเองโดยขาดการไตร่ตรองที่ถูกที่ควรก็ทำให้ตัวทายาทเผลอใช้พลังผิดวิธีหรือมากเกินไปทำให้ตายเร็วขึ้น /มีผลทำให้ไม่ได้สืบทอดทายาทด้วย 
  3. นี่เป็นผลพลอยได้ การจำกัดพลังไม่ให้ใช้ได้กว้างหรือเกิดการเรียนรู้ที่ทำให้เห็นอะไรมากเกินกว่าที่มนุษย์ควรเห็นทำให้การเก็บความลับเรื่องพลังง่ายขึ้นเพราะดูธรรมดา และทำให้มีคนมาเพ่งเล็งอยากได้ตัวไปทำงานมีน้อยลง 
  4. หากคุมทายาทอยู่ทางตระกูลเองนอกจากจะคุมช่วงชีวิตอายุของทายาท(ให้ไม่เผลอใช้จนผิดพลาดหรือตายเร็วเกิน)ได้แล้ว ยังทำให้เกิดรายได้หาชี้นำและอบรมในทางที่ถูกที่คสรหรือเกิดประโยชน์มากที่สุดด้วย 
  5. เป็นการป้องกันตัวเอง ทั้งจากภายในตระกูลและคนนอกตระกูล คนในก็กันการแย่งการเป็นใหญ่ ฉะนั้นผู้นำต้องเด็ดขาดเพื่อรวบรวมให้สมาชิกในตระกูลอยู่เป็นกลุ่มก้อน และกันคนนอกตระกูลหากจะอยากมาครอบงำยึดตระกูลและทายาทไปใช้งาน



Main Members

 (เรียงตามความสำคัญ ข้างหลังคือสถานะในบ้านและอายุ)
  Adalwin: The Head (63)
ผู้นำตระกูลคนปัจจุบัน ดำรงตำแหน่งตั้งแต่ทายาทคนก่อนคาบเกี่ยวมาจนรุ่นฟิโอ้ เป็นสามีของทายาทรุ่นก่อน มีศักดิ์เป็นลุงฟิโอ้ ปัจจุบันอาศัยอยู่บ้านใหญ่
  Matilda : Nobert's Aunt (71)
อายุ มากที่สุดในบ้านตอนนี้(ถ้าไม่นับพ่อบ้าน) เป็นคนหัวโบราณ มีความคิดความเชื่อถือ เคร่งครัดตามตระกูลรุ่นเก่า ค่อนข้างรังเกียจฟิโอ้อย่างเห็นได้ชัดเพราะเชื่อว่าฟิโอ้ทำสายเลือดปนเปื้อน หัวแข็งรุนแรงค่อนข้างมั่นใจและพร้อมจะทำตามสิ่งที่ตนเชื่อ และกดดันหลานชายให้ทำไปด้วย ค่อนข้างพาลโกรธหลานชายมากที่ไม่ได้เป็นทายาทต่อจากรุ่นก่อน ปัจจุบันเล็งพยายามจะให้เหลนตัวเองเป็นทายาท อาศัยอยู่บ้านใหญ่ รู้เรื่องพลังและโลกนิทาน
Fiorello: Heir (21)
ทายาทคนปัจจุบันของตระกูล ลูกครึ่งเยอรมัน-อิตาลี เกิดในช่วงประจวบเหมาะที่ทายาทคนก่อนกำลังจะเสีย เกิดที่อิตาลี แต่เดิมอาศัยอยู่ในอิตาลีกับพ่อแม่ แต่เพราะภายหลังทางตระกูลเพิ่งรู้ว่ามีพลังเลยบังคับให้มาอยู่ที่เยอรมัน
  Alfwin: Fio’s Father (47)
แยก กันอยู่ภรรยา(อยู่อิตาลี่ งอนพ่ออยู่(...)) ตอนนี้มีแววว่าจะได้รับตำแหน่งผู้นำคนต่อไป แต่คนในบ้านส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วย และตัวพ่อเองก็ไม่ได้อยากเป็น เพราะไม่ถนัดงานต่อรองเจรจาหรือดูแลควบคุมและไม่อยากเห็นลูกต้องมาทนนั่ง ทำงานแบบนี้ไปจนตาย แต่ที่ยังอยู่ช่วยเพราะถือผู้นำมีศักดิ์เป็นพี่ชาย และอย่างน้อยตอนนี้ก็ได้อยู่ใกล้ดูแลลูก รวมไปถึงเรื่องรายได้หลักที่มาจากทางนี้ด้วย(แต่ก่อนเคยทำงานบริษัทแต่เลิก ไปแล้วด้วยเหตุผลหลายอย่าง /ที่ยอมพาฟิโอ้กลับบ้านตั้งแต่เล็กเพราะถูกทางบ้าน(ขุ่นป้า)ขู่ว่าจะฆ่า ภริยา) มีบ้านแยกอาศัยอยู่ แล้วแต่วันว่าจะไปพักที่ไหน รู้เรื่องพลังและโลกนิทาน
Otis : Evelyn’s Father (52)
ดู เหมือนจะชอบแกล้งพาลก้าวร้าว ค่อนข้างติดแอลกอฮอลล์และการพนัน มีงานธุรกิจ แต่ดูเหมือนจะมีปัญหาล้มละลายติดหนี้หนัก อาศัยอยู่บ้านใหญ่ รู้เรื่องพลังและโลกนิทาน
  Evelyn: Fio’s siblings (27)
ลูกพี่ลูกน้องหญิงของฟิโอ้ เหลือแค่พ่อกับตัวเองสองคน แม่ตายไปนานแล้ว ไม่มีญาติอื่นอีก โสด และติดหนี้กับพ่อไม่ทราบจำนวน อาศัยอยู่บ้านใหญ่ รู้เรื่องพลังและโลกนิทาน
Nobert ♂: Hannah’s Father + Fio’s siblings (20)
เป็น คนที่เกือบจะได้เป็นทายาทแล้วถ้าฟิโอ้ไมไ่ด้เกิดก่อนไม่กี่เดือน อายุไล่กับฟิโอ้ แต่งงานแล้ว มีลูกสาวหนึ่งคน(หลานฟิโอ้) ภรรยาตอนนี้กำลังท้องลูกอีกคนอ่อนๆ(ทางภรรยาปกติไม่อยู่ที่บ้านใหญ่ มักแยกตัวไปอยู่บ้านเล็กเพราะสงบสบายใจกว่า) ตัวเองกับลูกสาวอยู่บ้านใหญ่ รู้เรื่องพลังและโลกนิทาน
 Hannah: Fio’s niece (7)

หลานคนเดียวที่รู้จัก(เพราะอยู่บ้านหลัก ที่เหลือๆกระจายหายไปหมดแล้ว)
  Karl ♂: The Doctor (43)
หมอประจำตระกูล เป็นญาติสายเล็ก แต่รู้เรื่องพลังและโลกนิทานพอสมควรและท่าทางสนใจไม่น้อย ทางผู้นำตระกูลจึงต้องให้อยู่ใกล้ชิด และมีเรื่องผลประโยชน์เกี่ยวข้องเป็นการปิดปาก มีบ้านเล็กตัวเองแยกอยู่อีกเมือง ไม่ได้อยู่ประจำที่บ้านใหญ่ 
  Warren : Butler (87)
เป็น ญาติสาย อยู่รับใช้กับทายาทมาสี่รุ่นแล้ว รู้เรื่องพลังของฟิโอ้แต่ไม่ละเอียดนัก เป็นคนเงียบๆ ปากหนัก เก็บความลับ ทำงานขึ้นตรงกับผู้นำตระกูล

  Heida: Chef (58)
เป็น ญาติสายเล็กๆที่นับดูก็ห่างมากๆ จนถือได้ว่าแทบจะไม่มีโอกาสมีทายาทเกิดมา ไม่ได้รู้อะไรเกี่ยวกับโลกนิทานหรือพลังของฟิโอ้มากมายนัก รู้แค่ว่าตัวฟิโอ้เป็นนายน้อยของบ้านและมีโรคติดตัวเกี่ยวกับตา

Carina: Fio's Mother (43)
แม่ ของฟิโอ้ ปัจจุบันอยู่อิตาลี แยกกันอยู่กับสามี แต่ไม่ได้หย่า มีอาชีพเป็นนักเขียน เป็นคนปกติธรรมดา เพิ่งมารู้เรื่องตระกูลหลังจากมีฟิโอ้และพบว่าลูบมีตาที่ผิดปกติ ค่อนข้างโกรธสามี รู้เรื่องโลกนิทานและพลังของฟิโอ้เพียงคร่าวๆ




more?























April 25, 2014

[BONE][EP I][Ending Event02 - Etoile(K)] There's something in the night





http://bottleneck.exteen.com/

Previous






Etoile Route


    ลมเย็นพัดวูบเข้ามากระทบ เธอขยับกระชับผ้าคลุมไหล่ที่ติดตัวมาด้วย
    ที่ที่เธอยืนอยู่เป็นที่ค่อนข้างเปิดโล่ง มองไปเห็นทะเล และอากาศนั่นเย็นจนน่าแปลกใจที่มีกลุ่มคนมายืนรวมตัวกันได้ขนาดนี้
    เท่าที่ได้ยินจากบทสนทนารอบตัว ดูเหมือนว่าแทบทุกคนก็ออกมาเพราะมาด้วยเสียงแปลกๆที่เธอได้ยินเหมือนกัน
    เธอรู้สึกอุ่นใจขึ้นเล็กๆเมื่อคิดได้ว่ามีคนยังได้ยินเหมือนกันเธอแล้วอยู่ใกล้ๆอยู่แล้ว
    ทันใดนั้นเรือก็โคลง ทำให้ทุกคนเซถลา

    ตึง!

    เสียงแปลกดังขึ้นอีกไม่ใกล้ไม่ไกลจากแถวนั้น ดังจนน่ากลัวว่าจะมีอะไรเสียหาย...
    ขณะกำลังละล้าละลังกันอยู่ก็มีเสียงใครคนนึงแว่วชวนให้ไปดูว่าเกิดอะไรขึ้น
    เธอเองก็เห็นด้วย แม้จะมีความกลัวปนอยู่บ้าง แต่อย่างน้อยการอยู่ในกลุ่มคนที่ใหญ่อย่างนี้ก็ทำให้อุ่นใจ

    ทางที่มีเสียงดังมานั้นมีไฟสว่างให้มองเห็นทางได้ยาวไปจนสุดที่ตาจะมองเห็น
    ทุกอย่างดูเรียบปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
    "อะ..เอ่อ.....ขอโทษนะคะ........." เสียงจากเด็กสาวในกลุ่มค่อยๆพูดขึ้นมา ท่าทางเลิกลั่ก "คือว่า....เมื่อกี้ทุกท่านได้ยินตรงกันว่ามีเสียงดังมาจากทางนี้ แต่พอมาถึงสถานที่จริงแล้วกลับไม่พบอะไรเลย.... ไม่คิดว่านี่เป็นเรื่องแปลกบ้างหรือคะ"
    เธอเห็นด้วย เสียงเมื่อกี้นั้นติดอยู่ในใจเธอพอควร
    "ถ้ายังไง..... เราลองหยุดคุยรายละเอียดกันสักเล็กน้อย........ดีไหมคะ?" เด็กสาวคนเดิมชวน
    หลังทุกคนพูดคุยแลกเปลี่ยนสิ่งที่เกิดขึ้น
    ทันใดนั้นเด็กสาวที่พูดชวนให้ทุกคนคุยกันก็ล้มลง และคว้าชายอีกคนล้มลงไปด้วย
    ในช่วงจังหวะที่วุ่นวายกันเบาๆ เธอเห็นเงาสีเทาวูบผ่านหลังของเด็กสาวคนนั้นไป
    เงานั้นก็วยกลับมาเกี่ยวให้อีกหลายคนในกลุ่มล้มตามกันไปอีกหลายคน และสุดท้ายเงานั้นก็ไปอยู่ตรงมุมหนึ่งของทางเดิน บดบังในมุมมืดเสียมิดจนไม่รู้ว่าคืออะไร
   
    "ทุกคนๆ ใจเย็นๆก่อนนะ" ชายคนนึงข้างเธอพูดขึ้นพลางขยับแว่นข้างเดียวของเขาและหันไปหาพนักงานประจำเรือในกลุ่ม "คุณ(npc) ในเรือนี้มีอย่างอื่นนอกจากผู้โดยสารด้วยหรือ?"
    เด็กหนุ่มอีกคนก็หันไปหาพนักงาน "พี่ชายเป็นพนักงานสิะฮะ พนักงานที่ดีน่ะต้องปกป้องผู้โดยสาร เพราะงั้น....... นำทุกคนไปเลยฮะ Go!!" เด็กหนุ่มว่าพลางรุนหลังพนกงานคนนั้นให้เดินไปดูว่าสิ่งนั้นคืออะไร
    "ไม่ต้องห่วงนะไอ้หนุ่ม! ยังมีพวกเราอยู่ข้างๆนะ!" ชายสวมแว่นว่าพลางตบไหล่พนักงานที่ท่าทางกลัวไม่น้อยอย่างให้กำลังใจ

    “...ก..ก็ได้ครับ” พนักงานกลืนน้ำลายเอื้อก ขยับเดินไปทางมุมนั้น

    ตูม!!

    ร่างของพนักงานนั้นกระเด็นลอยข้ามเธอไป
     "ก..กรี๊…" เธอเกือบจะหลุดร้องอยู่แล้วเชียว หากไม่หันไปเห็นว่าเจ้าของเงาปริศนาเมื่อกี้นั้นได้เดินกุบกับโชว์ตัวออกมาแล้ว

    มันเป็นม้าแข่งสีน้ำตาลพันธุ์ดีขนาดใหญ่ที่กำลังพยศได้ที่

    และมันเยื้องย่างเข้ามาหากลุ่มคนตรงหน้า
    สิ่งแรกที่เข้ามาตามสัญชาติญาณของพวกเขาคือ ..วิ่ง
    แต่ไม่ทันจะไปไหนได้ไกล ใครคนนึงก็สะดุดล้ม และม้าพยศตัวนั้นก็เหยียบไปเต็มแรงที่คนล้ม
    ชายสวมแว่นข้างเธอรีบขยับเข้าใกล้ม้า พยายามชูมือและตะโกนลั่นให้ม้าหยุดพยศ

    ม้าผงะ และมีท่าที่สงบลงหลังจากนั้นอย่างเห็นได้ชัด

    "น..นี่มันเกิดอะไรขึ้นกันครับ!?" พนักงานเรืออีกคนวิ่งมาดูเสียงที่ดังโหวกเหวกอย่างตกใจ เขามองสภาพรอบข้างอย่างงุนงง และท่าทางตกใจทันทีที่เห็นเพื่อนร่วมงามของเขานอนสลบไสล
    "ย..แย่แล้ว" เขาว่าพลางติดต่อแพทย์และพนักงานอีกคนให้เอาม้ากลับไปดูแลต่อ
    หลังจัดการอะไรต่อนิดหน่อยแล้ว เขาก็หันกลับมากล่าวกับทุกคนด้วยเสียงที่เป็นห่วงทีเดียว "ทุกท่านดูท่าทางเหนื่อยๆ ผมว่ารีบกลับไปพักผ่อนที่ห้องพักเถอะครับ"

    เธอพยักหน้าเงียบๆอย่างเห็นด้วย
    คืนนี้เป็นคืนที่ช่างหนักหนาสำหรับเธอเสียเหลือเกิน
    ..อย่างน้อยกลับไปรอในห้อง รอพี่ชายเธอกลับมาเองน่าจะเป็นความคิดที่ดีที่สุด ณ ตอนนี้
     เธอคิดพลางรุดเดินกลับห้องอย่างรู้สึกเสียงขวัญ และหวังว่าเมื่อไปถึงห้อง เธอจะได้พบพี่ชายของเธอปลอดภัยรออยู่ในนั้น