Prologue
เสียง
นกน้อยร้องจุ๊บจิ๊บคุยกันยามเช้าตรู่
นัยน์ตาสีฟ้าซีดของสาวน้อยนางนึงลืมตาขึ้นมาอย่างรวดเร็ว
สะท้อนประกายสดใสไร้รอยง่วงงุนแต่เจือปนความตื่นเต้น
เธอรีบพลิกตลบผ้าห่มหนาอุ่นปะลายเดซี่พื้นสีแดงส้มแล้วพับอย่างประณีตลง
กระเป๋าใบใหญ่ข้างเตียง
สาวเท้าวิ่งไปเปิดตู้เสื้อผ้าไม้สีเข้มที่ภายในมีเพียงชุดกระโปรงตัวเก่ง
แขวนอยู่อย่างโดดเดี่ยวออกมาเพื่อแต่งตัวสำหรับวันที่เธอรอคอยมานาน
วันที่เรืออโทรพอสจะออกจากท่าสู่ดินแดนแห่งใหม่...
หลัง
จัดการกิจวัตรยามเช้าและทานยาบำรุงประจำตัวตามที่ผู้ปกครองของเธอพร่ำสั่ง
ทุกวันคืน
มือผอมบางก็จัดการลากถูลู่ถูกังกระเป๋าใบหนัก(ที่มีเพียงผ้าห่ม..)ออกจาก
ห้องไปชะเง้อแอบมองชายหนุ่มผมสีส้มอมแดงน้ำตาลสว่างตาวิ่งวุ่นอยู่ชั้นล่าง
เพื่อจัดการกับสินค้าในร้าน
“..คิกๆ”
เธอแอบยิ้มขำเบาๆเมื่อชายหนุ่มสาละวันต้อนรับลูกค้า มือนึงก็รับเงิน
อีกข้างก็ส่งสินค้าของเขาให้เด็กชายที่มาซื้อ
ใบหน้าหันอีกทางพูดคุยกับลูกค้ารายอื่น
ขณะเดียวกันก็พยักหน้ารับทักทายจากลูกค้าขาประจำที่เข้ามาใหม่
‘...เก่งจังนะ พี่ออซ...’ เด็กสาวคิดเมื่อแอบมองชายสายเลือดเดียวกันทำงานบริการลูกค้าได้ด้วยคนเดียวด้วยแววตาอิจฉาเล็กๆปนภูมิใจ
หลังแอบนั่งมอง(สตอล์ก?)สักพักเธอก็ลุกขึ้น เดินตรวจความเรียบร้อยเรียงห้องชั้นสอง จากนั้นค่อยๆพยุงลากกระเป๋าผ้าห่มของเธอลงจากบันได
ชั้นล่างนั้นเงียบสงบลงแล้ว เธอกวาดตามองรอบห้องโถงใหญ่ที่บันนี้ว่างเปล่า ป้ายประกาศลดราคาถูกถอดออกมาวางกองที่พื้น
“อ้าว
ลงมาเร็วจังเอลี่ แต่งตัวน่ารักเชียวนะ”
เธอหันหาเสียงทุ้มของผู้เป็นพี่ที่เดินมาจากทางหลังร้านด้วยสภาพเพลียเล็กๆ
มือแบกกระเป๋าใหญ่สองสามใบออกมาด้วย
“ตื่น
เร็วจะได้ไปเร็วไงคะ แล้วเอลี่ก็ทานยาและเช็คห้องข้างบนหมดแล้วด้วย
แถมแบกกระเป๋าลงมาเองอีก เก่งไหม” เธอยิ้มแฉ่งอย่างร่าเริง
หมุนตัวโชว์ชายกระโปรงบานแก่พี่ชายของเธอ
“จ้า จ้า เก่งก็เก่ง แต่เป็นสาวเป็นแส้น่ะต้อง...”
“ต้องยืนนิ่งเรียบร้อยไม่กระโตกกระตากใช่ไหมคะ รู้แล้วหรอกน่า” เด็กสาวเบ้ปาก พลางทวนประโยคที่เคยได้ยินซ้ำๆจากพี่ของเธอ
“ไม่
เถียงผู้ใหญ่ด้วยนะ” เขายิ้มขำ ลูบหัวน้องสาวอย่างเอ็นดูระคนเหนื่อยใจ
“เดี๋ยวพี่ไปเคลียร์เรื่องร้านก่อนนะ อาหารเช้าอยู่บนโต๊ะ
ไปทานเลยนะไม่ต้องรอ”
เธอพยักหน้ามองตามพี่ชายเดินออกไปคุยธุระหน้าร้านกับผู้ค้ารายใหม่ที่กำลัง
จะเป็นเจ้าของที่อยู่อาศัยนี้ต่อ
เอ
ลี่ทานอาหารเช้าพลางทอดถอนหายใจเบาๆด้วยความรู้สึกใจหายที่จะต้องจากบ้านของ
เธอไป บวกความรู้สึกผิดเล็กๆก่อวนอยู่ในหัวใจ
บ้านและร้านนี้เปรียบเสมือนน้ำพักน้ำแรงจากพี่ชายของเธอเองล้วนๆ
ทั้งๆที่สินค้าและรายได้ที่กำลังหมุนเวียนอยู่นั้นก็เริ่มไปได้ดี
แต่พี่ชายของเธอกลับหยุด
ขายลดราคาสินค้าทุกอย่างเพียงเมื่อเธอเสนอให้ย้ายไปดินแดนใหม่...
สหรัฐอเมริกา...
หลังทานอาหารหมดและจัดการเช็ดล้างให้สะอาดลงลังที่มีจานทั้งหมดวางซ้อนกัน พี่ชายของเธอก็ชะโงกเข้ามาดูพอดี
“เสร็จพอดีเลยหรอ ดีเลย ไปกันเถอะ ลังจานวางไว้ตรงนั้นแหละ ไม่ต้องเอาไปหรอก”
“อ..เอ๋?
แต่ว่าจานลายนี้พี่ชอบไม่ใช่หรอคะ..” เธอทำหน้าประหลาดใจ
แม้กระทั่งจานลายโปรดออซก็ยังไม่เอาไป
เธอชักจะรู้สึกว่าพี่ชายเธอจะตัดทุกอย่างที่นี่ทิ้งเกินไปเสียหน่อยแล้ว
“อ้อ... เดี๋ยวก็หาใหม่ได้...มั้ง... พี่ขายให้ป้าข้างบ้านแล้วน่ะ ให้ราคากำไรดี” เอลี่ฟังแล้วเปลี่ยนเป็นสีหน้าเหวอๆ
‘คงจะมีแต่เรื่องเงินละมั้งที่พี่ไม่ตัด...’ เธอหัวเราะแห้งๆ แล้วตามพี่ชายออกไป
เอลี่นั่งมองบ้านหลังเล็กเปลี่ยนไปหาเจ้าของใหม่จากรถที่ไม่รู้ว่าพี่ชายของเธอไปขอใครได้มาจากไหน
เธอถอนหายใจเบาๆด้วยความรู้สึกโหวงเบาในใจ
และคิดว่าพี่ชายของเธอจะรู้สึกอย่างไรกันที่ต้องขายบ้านจากหยาดเหงื่อตนเอง
เพื่อไปสร้างอนาคตใหม่ที่ยังมองไม่เห็น
เด็กสาวก้มหน้าลงย่นคิ้วอย่างแอบกังวลใจ
พลันมืออุ่นของพี่ชายเธอก็ลูบลงที่ศีรษะเธอเบาๆอย่างอ่อนโยน
“ย่น
คิ้วเดี๋ยวก็แก่เร็วหรอก กังวลอะไรน่ะเรา คิดอะไรอยู่?”
เด็กสาวรู้สึกราวกับพี่ชายอ่านใจเธอได้
เธอเบ้ปากลงเล็กน้อยและเผยอขึ้นเพื่อจะตอบ...
ปั่บ!! กระดาษแผ่นบางสองใบที่ประทับตราเรืออโทรพอสเด่นหราถูกฟาดลงที่หน้าเธอเบาๆ
“ถ้า
จะบ่นเรื่องของทั้งหมดอะไรนั่นก็ไม่ต้อง รักษาสองใบนี้ให้ดีก็พอ”
ชายหนุ่มยิ้มแล้วหัวเราะขำเบาๆมองใบหน้าน้องสาวของเขาเบิกกว้างอย่างตื่น
เต้นและมือเรียวเล็กที่คว้ากำตั๋วไว้แน่นไม่ปล่อย
“ขอบคุณคะ!! ขอบคุณคะ!! ขอบคุณมากนะคะ!!” เธอโถมตัวไปกอดพี่ชายของเธอแน่น พร่ำพูดขอบคุณไม่หยุด
แม้จะรู้อยู่แล้วว่าจะได้ขึ้นเรืออโทรพอส แต่ยามได้เห็นตั๋วเรือของจริงความตื่นเต้นก็กลับมาโลดแล่นทั่วร่างกายของเธอใหม่
นัยน์ตาฟ้าซีดของเอลี่กลับมาเป็นประกายราวกับลูกกวาง มือนั้นกำตั๋วไว้แน่นไม่ปล่อย ฟ้าวันนี้ช่างสดใสรับกับการผจญภัยครั้งใหญ่ของเธอ
และรถยนต์ก็ได้เคลื่อนตัว นำพาชีวิตทั้งสองไปขึ้นใหญ่ในตำนาน
อโทรพอส...
Event 1: Haul an anchor!
ผู้คน
คึกคักมากมายเดินขวักไขว่กันอยู่ที่ท่าเรือเซาท์แธมป์ตัน
ฟ้าเปิดกว้างและอากาศสดใสเหมาะแก่การเดินเรือที่ยิ่งใหญ่นามอโทรพอส
เด็กสาวยื่นชะโงกมองแถวยาวของผู้คนที่จะขึ้นเรือเป็นรอบที่สิบ
“อีกสักพักใหญ่ๆเลยละนะ ร้อนหน่อย ไหวไหมเรา? ยืนพิงกระเป๋าไหมจะได้ไม่เมื่อย เอ้า! ใส่
หมวกด้วย” หมวกปีกกว้างสำหรับผู้หญิงถูกสวมลงหัวของเธอเบาๆ โดยพี่ชายของเธอ
มือหนากดไหล่เด็กสาวให้ยืนอิงกระเป๋าลากใบโต
จากนั้นก็วุ่นวายเล็กๆกับการยืนขายสินค้ากระจุกกระจิกที่เขาแอบเอาติดตัวมา
ด้วย
[1. เดินไปต่อแถวผู้โดยสารอย่างที่ทุกคนทำกัน]
[1. เดินไปต่อแถวผู้โดยสารอย่างที่ทุกคนทำกัน]
เอลี่รู้ว่าบ่นไปก็ทำอะไรไม่ได้ จึงทำเพียงพยักหน้าและยืนรอเวลาที่เธอรู้สึกว่าช่างยาวนานเหลือเกิน
“ขอตรวจตั๋วโดยสารด้วยครับ”
พนักงานแย้มยิ้มเป็นมิตรอยู่ตรงหน้าทางเข้าพูดขึ้นกับพี่ชายที่เป็นคิวก่อน
หน้าเธอ ออซพยักหน้าพลางเปิดกระเป๋าควานหาตั๋วอย่างเลิ่กลั่ก [1.มีตั๋วอย่างถูกต้อง กว่าจะได้มาไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เชียวนะ/1.ในกระเป๋าเสื้อ]
เอ
ลี่แอบขำคิกคักยามเห็นว่าพี่ชายเธอลืมไปเสียแล้วว่าฝากตั๋วไว้กับเธอทั้งสอง
ใบ นิ้วเรียวกำชายเสื้อพี่ชายเธอไว้แล้วกระตุกเบาๆ
อมยิ้มเล็กๆพลางส่งตั๋วให้ [2.ในมือของคุณเรียบร้อย]
หลัง
วุ่นวายตรวจตั๋วและขนของเข้ามา
เอลี่ก็ต้องเบิกตากว้างกับความหรูหราโอ่โถงภายในเรือ
ความอยากรู้อยากเห็นกระตุ้นให้เธอเดินก้าวไปจะสำรวจเรืออย่างรวดเร็ว
เธอคิดว่าดาดฟ้าเรือช่างเป็นอะไรที่น่าสนใจนัก
หมับ!! มือของพี่ชายคว้าแขนของเธอไว้ได้ทันท่วงที
“จะไปไหนกัน” เขายิ้มขำแต่สายตาจริงจัง “ห้องยังไม่เห็นเลย สัมภาระเราก็ยังอยู่นี่อยู่เลย ไปที่ห้องพักก่อนดีกว่านะ”
“ต..แต่
ว่า..ขอแค่ไปดูแถวนี้นิดหน่อยเองก็ไม่ได้หรอคะ”
เธอพูดเบาๆแล้วเงิยหน้ามองสบสายตานั้นหงอยๆ
ด้วยรู้ผ่านความจริงจังนั้นว่าไม่อนุญาติเป็นแน่
“ไป
ที่ห้องก่อนนะ ทานยาแล้วมาตกลงกัน เพราะเดี๋ยวพี่ต้องไปหาหัวหน้างานด้วย”
ออซลูบหัวน้องสาวเขาปลอบเบาๆ “เราจะได้อยู่สำรวจเรือจนอีกนานเลยละ”
เขาว่าพลางหัวเราะ ยกสัมภาระไปขอกุญแจจากพนักงาน และเดินไปที่ห้อง
[1.เดินตรงเข้าห้องพักทันที/1.ไปขอกุญแจจากพนักงานดีกว่า]
[1.เดินตรงเข้าห้องพักทันที/1.ไปขอกุญแจจากพนักงานดีกว่า]
เธอ
ยู้ปาก หันมองห้องโถงโอ่อ่าอย่างอาลัย
พลางคิดว่าเรือใหญ่ขนาดนี้เธออาจจะสำรวจไม่หมดก็ได้
แต่ก็เดินตามพี่ชายเธอไปเข้าห้องพักอย่างโดยดี...
...หนึ่งในประตูห้องพักผู้โดยสารชั้น 3 ได้ถูกปิดงับลงอย่างสงบ
TBC.
No comments:
Post a Comment